วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2562

[EP.4] ในวันที่ฉันป่วย -- โลกของฉันกำลังเปลี่ยนไป




โดยปกติแล้ว แป้งเชื่อว่าคนเราทุกคนสามารถปรับตัว ปรับความคิด ปรับมุมมองของตัวเอง เพื่อที่จะช่วยฮีลความรู้สึกของตัวเองจากที่รู้สึกเฟลอยู่ให้กลับมาแฮปปี้ได้เหมือนเดิม บางคนอาจจะออกไปหาอะไรทำ หากิจกรรมทำ เช่น ออกไปช้อปปิ้ง ไปออกกำลัง ฯลฯ



....ซึ่งแป้งเคยทำมันได้ แต่ตอนนี้กลับทำไม่ได้....




ในหัวเต็มไปด้วยคำถามอะไรไม่รู้เต็มไปหมด


ลองย้อนกลับไปหลังจากแป้งได้รับการผ่าตัดครั้งที่ 2 ตอนนั้นแป้งยังไม่ได้เริ่มยาฮอร์โมนไทรอยด์ ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2562 จนถึง ต้นเดือนมีนาคม 2562 ซึ่งตามกระบวนการรักษาของแป้ง คุณหมอได้ให้แป้งทำการสแกนร่างกายก่อน หรือเรียกว่า Whole Body Scan เพื่อตรวจเช็คว่าหลังจากที่ผ่าตัดเอาไทรอยด์ทั้งหมดออกไปแล้ว ยังหลงเหลือไทรอยด์ กับมีการแพร่กระจายของเชื้อมะเร็งไปยังส่วนอื่นๆของร่างกายหรือไม่ โดยมีขั้นตอนก่อนการทำ Whole Body Scan ดังนี้
1) ต้องหยุดยาฮอร์โมนไทรอยด์ 1-2 เดือน (ซึ่งแป้งยังไม่ได้เริ่มยา)
2) งดอาหารจำพวกไอโอดีน อาหารทะเล ชา กาแฟ น้ำอัดลม เป็นเวลา 2 สัปดาห์


แป้งต้องดำเนินชีวิตโดยไม่ได้ทานยาฮอร์โมนไทรอยด์ประมาณ 2 เดือนได้ แป้งพยายามสังเกตตัวเองอยู่ตลอดว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรไหมนะ (?) เบื้องต้นทราบแต่ว่า จะหงุดหงิดง่าย... แค่นั้นเลย 😂 แต่มันมีอะไรมากกว่านั้นจ้า 

ช่วงนั้นเชียงใหม่อยู่ในช่วงอากาศที่หนาวเย็น อากาศดีเชียวแหละ แต่แป้งทนไม่ได้ ปกติขี้หนาวอยู่แล้ว ยิ่งหนาวเข้ากระดูกไปใหญ่ พันผ้าพันคอเป็นเอสกิโมไปทำงานเลยจ้า

ตอนนั้นคนรอบข้างเริ่มไม่ค่อยเข้าใกล้แป้ง หรือแป้งเองที่เฟดตัวเองออกมาจากคนรอบข้างกันนะ (?) แม้กระทั่งคนในครอบครัว แป้งก็ไม่ค่อยอยากพูดคุยด้วยเท่าไหร่ เพราะทุกครั้งที่เอ่ยปากพูด มันเหมือนมีปีศาจ 5555 พูดไม่ค่อยเข้าหูคนอื่น และคนอื่นก็พูดไม่ค่อยเข้าหูเราด้วย แป้งพยายามหาข้อมูลอ่านเองเพิ่มเติมเรื่องผลข้างเคียงของการไม่ได้ทานยาฮอร์โมนไทรอยด์ และพยายามเช็คอาการของตัวเองไปเรื่อยๆ 

จำได้ว่า...มีน้องที่ทำงานแผนกเดียวกันทักไลน์มาหา แล้วบอกกับแป้งว่า " เจ้..รู้ตัวไหมว่าเจ้ไม่เหมือนเดิม น้องเข้าหาเจ้ไม่ได้เลย เจ้ได้บอกใครไหมว่าเจ้จะเป็นแบบนี้ "
ไอ่เราก็บอกน้องไปว่า " เจ้บอกนะ แค่ไม่กี่คนที่รู้ ยังไงเจ้จะบอกกับทุกคนนะ 
"...ตอนนั้นไม่รู้ว่าใครโดนไปแล้วบ้าง แต่แป้งรู้ตัวตลอดว่าแป้งไม่ปกติแล้วล่ะ และต้องขอบคุณเพื่อนๆในแผนกมากๆ ที่อดทนกับแป้ง😢

ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนในที่ทำงาน ก็จะมีคำถามนี้จากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ว่า " ดีขึ้นรึยัง? " แป้งก็ได้แต่ยิ้มๆ แล้วตอบไปว่า ยังไม่หาย 100% เจ้า 😅 แต่รู้ไหม...แค่คำถามง่ายๆแบบนี้ แต่แป้งกลับตอบออกมาได้ลำบากใจที่สุด ไม่อยากได้ยินคำถามนี้ที่สุด ไม่อยากตอบที่สุด แล้วมันก็เป็นคำถามยอดฮิตของแป้งตอนนั้น 

ระหว่างวัน (ในเวลางาน) แป้งมักจะลอยบ่อยๆ เริ่มมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปกติถ้าแป้งปวดเมื่อยตามตัวจะให้คุณแม่ช่วยนวดให้ แต่คราวนี้นวดแล้วยิ่งระบม ยิ่งโอดโอย เป็นรอยช้ำไปหมด เวลานอนหลับตอนกลางคืนจะเป็นปัญหามากเพราะมักจะเป็นตะคริว ทุกอย่างรอบตัวเริ่มช้าลง ทำทุกอย่างช้าลงเพราะแป้งเริ่มไม่มีแรง แค่แปรงฟันตอนเช้ายังไม่มีแรงเลย ยกช้อนข้าวก็เหนื่อยแล้ว (ไม่ได้เว่อร์นะ แต่มันเป็นจริงๆ) ตัวแป้งเริ่มบวม น้ำหนักเริ่มขึ้น ทั้งๆ ที่แป้งทานข้าวปกติหรือจะเรียกได้ว่าช่วงนั้นเป็นภาวะไทรอยด์ต่ำ (Hypothyroidism) นี่คงเป็นรูปเดียวที่ถ่ายเก็บไว้ตอนบวม เหมือนกับอมอะไรไว้ในปากแต่เปล่าเลย แก้มบวมมาก 😖



พักหลังๆ แป้งต้องขอให้คุณพ่อขับรถไปส่งทำงานเพราะขาเริ่มไม่มีแรงแล้ว พอเลิกงานถึงบ้านปุ๊บแป้งจะหลับก่อนเลยเพราะมันรู้สึกเพลียมาก แป้งเริ่มขี้หลงขี้ลืม จนแฟนบอกว่าอีกหน่อยจะลืมเขาไหม ? 😂 นี่ก็บอกไปว่า ... มันหลงลืมแบบคุยเรื่องนี้อยู่แล้วก็ลืมแล้วมะกี้พูดอะไรไป ... ไม่ใช่ว่าจะลืมคนรอบข้าง หรือคนสำคัญสักหน่อย 💕

ปกติทุกคืนแป้งจะต้องคุยโทรศัพท์กับแฟนก่อนนอน แป้งจะบอกว่า เขาอดทนกับแป้งอย่างมาก เพราะแป้งจะบ่น เพ้อ งอแง ทั้งๆ คิดบอกตัวเองในใจเสมอว่า ไม่ว่าจะเจออะไรมาจะพยายามไม่พูดออกไป แต่ด้วย ณ อาการของโรค มันทำให้แป้งบังคับความคิดตัวเองไม่ได้

แป้งกลายเป็นคนนอนไม่หลับ ร้องไห้แทบทุกคืน เพราะเอาแต่โทษตัวเองว่า " เพราะเราป่วยแบบนี้ ทุกคนต้องมาเดือดร้อน " คิดว่าตัวเองกลายเป็นภาระของครอบครัวไปแล้ว แป้งสงสารคุณแม่มาก เพราะคุณแม่เป็นคนเดียวคอยดูแลแป้งอย่างอดทนที่สุด แต่แม่ก็ไม่เคยบ่นสักคำ มีแต่แป้งที่สร้างปัญหา แต่พี่ชายแป้งก็บอกกับแป้งว่า " ไม่ต้องคิดว่าตัวเองเป็นภาระหรอกนะ เพราะทุกคนในครอบครัวเต็มใจที่จะดูแลแป้ง " 

แป้งไม่รู้ว่า...ทำไมแป้งเอาแต่เศร้า หรือแป้งจะเข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้ารึเปล่านะ แป้งถึงกับไปหาแบบทดสอบเพื่อเช็คอาการของตัวเอง ซึ่งตอนนั้นมันมีเกณฑ์โอนเอียงไปทางด้านนั้นสูง ที่แป้งบอกว่า แป้งกลายเป็นคนนอนไม่หลับ สมองแป้งมักจะแล่นตลอดทั้งคืนโดยที่ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ มันคิดไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด จบที่การร้องไห้แล้วเพลียหลับไป หลับไปก็ฝันอะไรไม่รู้ทุกคืน เป็นความฝันที่น่ากลัวมาก

แป้งรู้อีกนะ ว่าทางเดียวที่จะช่วยให้แป้งดีขึ้นได้ คือการใช้เวลากับพระเจ้า ฟังเพลงนมัสการ อธิษฐาน อ่านไบเบิล แต่แป้งทำแล้วมันก็ไม่ช่วยเท่าที่ควร แป้งพยายามอย่างมากที่จะหลุดจากบ่วงความคิด ความรู้สึกเหล่านี้ แต่มันยากมากจริงๆ 
ปล. ขอบคุณสำหรับทุกๆ คำอธิษฐานจากพี่น้องในพระคริสต์นะคะ ที่คอย Support แป้งและครอบครัวเสมอ 💚

แล้วนี่ก็ผลของการขาดยาฮอร์โมนไทรอยด์ มันทำให้คุณภาพชีวิตลดลงจริงๆ ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ รวมถึงการเข้าสังคม แป้งไม่อยากพบเจอใครเลย แต่ก็อยู่คนเดียวไม่ได้ ยิ่งดึกยิ่งอยู่คนเดียวไม่ได้ แทบอยากจะลาออกจากการเป็นแป้งในร่างนี้สุดๆ


04-03-2562 :

แล้ววันนี้ก็มาถึงสักที แป้งมา รพ.มหาราชนครเชียใหม่แต่เช้าเพื่อทำการเจาะเลือดและตรวจปัสสาวะ จากนั้นก็ไปพบคุณหมอที่ห้องรังสี เพื่อทำการกลืนรังสีเพื่อนเตรียมตัวสแกนร่างกาย โดยหลังจากกลืนรังสีเสร็จ คุณหมอก็ให้กลับบ้านแล้วทานยาระบาย 2 เม็ด เพื่อกลับมาสแกนร่างกายในวันที่ 6

06-03-2562 :

มาแต่เช้าอีกเช่นเคย วันนี้ไปรออยู่ที่ห้อง CT สแกน เพื่อทำการ Whole Body Scan ทั้งหมดใช้เวลาในการสแกน 1 ชั่วโมงเต็มๆ ผลตรวจออกมาไม่พบการแพร่กระจายของเชื้อมะเร็งไปยังส่วนอื่นของร่างกาย และวันนี้แป้งจะได้เริ่มทานยาฮอร์โมนไทรอยด์แล้วจ้า ดีใจมากที่จะไม่เป็นปีศาจแล้ว ฮ่าๆๆๆ 😂 จากนั้นก็ไปพบคุณหมอที่ห้องรังสีอีกครั้งเพื่อทำการนัดกลืนแร่รังสีไอโอดีนเพื่อรักษาแบบจริงจังอีกครั้งใน วันที่ 5-7 มิถุนายน 2562



EP. นี้เขียนยืดยาวหน่อยนะคะ แต่หวังว่าเพื่อนๆจะอ่านกันจนจบนะ ฮิฮิ ตอนเขียนยังแอบน้ำตาซึมไปด้วยเลย ยังไงฝากติดตามเรื่องราวต่อจากนี้ต่อไป แล้วคอยเป็นกำลังใจให้แป้งต่อด้วยนะคะ




แล้วเจอกันใหม่ใน EP. หน้าจ้า ขอพระเจ้าอวยพระพร 💕








วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2562

[EP.3] ในวันที่ฉันป่วย -- ครั้งเดียวไม่พอ...




เอาล่ะ... มาเจอกับแป้งใน EP.3 แล้วนะคะ แป้งไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรที่เรียกว่า " พีค ใน พีค " ได้ไหมนะ? 😆 พอทราบผลตรวจแล้ว ลำดับต่อมาคือการคิดวางแผนต่อว่าจะเลือกวิธีไหนในการรักษา ซึ่งแป้งเองก็ปรึกษาคุณน้าที่เป็นพยาบาลและครอบครัวเป็นที่เรียบร้อย 

และแล้ว เช้าวันที่ 14 มกราคม 2562 แป้งก็กลับมาทำงานตามปกติ พร้อมกับรอยแผลที่มีกำหนดนัดตัดไหมในวันที่ 15 มกราคม 2562 แต่สิ่งที่แป้งทำก็คือ เบื้องต้นได้ส่งข้อความถึงคุณหมอว่าแป้งตัดสินใจแล้วว่าจะเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้ง จากนั้นแป้งก็เดินเข้าไปหาคุณหมอเจ้าของไข้ แล้วทำการนัดหมายจองห้องผ่าตัด ทำเรื่อง Admit ในบ่ายวันที่ 15 มกราคม 2562 อีกครั้งหนึ่ง ไหนๆ ก็จะตัดไหมอยู่แล้ว ก็นอนให้หมอผ่าเอาไทรอยด์อีกข้างออกไปเลยดีกว่า ตัดไฟแต่ต้นลมงี้

พูดเหมือนง่ายเนาะ แต่ไม่เลย ทุกอย่างมันเร็วไปหมด แป้งก็ไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน แต่แป้งเชื่อว่า แป้งตัดสินใจดีแล้ว พระเจ้าอยู่กับแป้ง แป้งจะไม่กลัว 

เพราะจากพระธรรมอิสยาห์ 41 : 10 กล่าวว่า
" อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า 
อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า 
เราหนุนกำลังเจ้า เออ เราจะช่วยเจ้า 
เออ เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา "


15-01-2562 :

แป้งเดินทางมารอ Admit ในเช้าวันนี้ที่ รพ.แมคคอร์มิค ได้คิวผ่าตัดเวลาประมาณ 16.00 น. แป้งเตรียมตัวเปลี่ยนชุดสีเขียวเพื่อเตรียมเข้าห้องผ่าตัดประมาณบ่ายสามโมง แต่ด้วยคุณหมอติดเคสด่วน เวลาจริงที่ทำการผ่าตัดของแป้งก็เกือบหกโมงเย็นแล้ว เวลายาวนานมาก และห้องผ่าตัดวันนี้หนาวเป็นพิเศษไปอีกจ้า นี่ขอผ้าห่มที่น้องพยาบาลมาคลุมเพิ่มอีก 2 ชั้น ไปอีก ฮ่าๆๆๆ หลับไปหลายตื่นกว่าคุณหมอจะมา ครั้งนี้เป็นการดมยาสลบ หมอวิสัญญีจะเอาอะไรไม่รู้มาอังที่หน้าเรา บอกให้ค่อยๆหายใจ สักแปปภาพตัด สลบสไลไม่ฝันแต่อย่างใด

หลังจากผ่าตัดเสร็จเวลาประมาณ 21.00 ปรากฎว่าแป้งลืมตาไม่ขึ้น ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ จากนั้นก็กลับไปพักที่ห้อง มีคุณพ่อ คุณแม่ และก็แฟนที่อยู่รอ แต่นี่หลับ มึนๆ ได้ยินเสียงรอบข้างหมดแต่ลืมตาไม่ขึ้น ครั้งนี้แฟนอาสานอนเฝ้า เพราะครั้งก่อนคุณแม่มานอนเฝ้าแล้วท่านบ่นปวดหลัง พยาบาลที่วอร์ดบอกให้คุณพ่อซื้อโจ๊กมาเผื่อไว้ให้แป้งกินเพราะต้องกินยาหลังจากที่ฟื้น สรุปแป้งงัวเงียมาก ง่วงตลอดเวลา กว่าจะฟื้นมาจริงๆก็ 23.00 นู่นแล้ว แฟนเลยให้แป้งแต่จิบนมกล่องไปนิดนึงตามด้วยให้กินยาฆ่าเชื้อ "แลนคาฟ" เม็ดโต คือบาดคอมาก 
นางก็น่ารักนะ นั่งเฝ้าข้างเตียงตลอด แต่นี่ก็หลับ ฮ่าๆๆๆ นิสัยเนาะ เหมือนคนเป็นง่อยมาก ทั้งสายน้ำเกลือ ทั้งสายวัดความดัน จะเข้าห้องน้ำทีลุกเองไม่ได้ จะเรียกแฟนก็ไม่มีเสียงอีก เรียกหลายรอบมากกว่าเสียงจะออก เพราะปวดฉี่ 😖 เพิ่งรู้ว่าการใส่น้ำเกลือทำให้ฉี่ไม่สุดสักทีอ่ะ นั่งแช่ในห้องน้ำอย่างนาน 


16-01-2562 ​:

ตื่นมาก็กินข้าวได้อร่อยเหมือนเดิม ไม่รู้ทำไม 😝 คงเพราะเมื่อคืนไม่ได้กินอะไร ทั้งวันก็จะมีพยาบาลเข้ามาวัดไข้ วัดความดันให้ คุณหมอเข้ามาดูอาการตอนสายๆ บอกว่า ถ้าตอนวัดความดันแล้วมีอาการลงปลายนิ้วมือ ให้แจ้งที่พยาบาลได้เลยนะ แต่นี่ไม่มีอาการชาแต่อย่างใด เนื่องจากว่าในผู้ป่วยบางคนที่ผ่านการผ่าตัดไทรอยด์แล้วจะมีภาวะต่อมพาราไทรอยด์ทำงานน้อย เป็นผลให้ระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ ทำให้มีอาการชาได้ ซึ่งในเคสของแป้งถือว่าโชคดีที่แคลเซียมยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ต้องทานแคลเซียมเสริม แต่ก็ถือว่าพรุนไม่น้อย เพราะพี่พยาบาลเจาะเลือดทั้งแขนซ้าย ซึ่งก็ไม่มีที่ให้เจาะแล้ว ต้องมาเจาะที่หลังมือขวาต่อ เส้นเลือดแตกเป็นว่าเล่น ฮ่าๆๆๆ แต่แคลเซียมก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ✌





17-01-2562 :

แต่ครั้งนี้ที่ใส่สายถ่ายเลือดที่คอ ถือว่าเลือดออกน้อยกว่าผ่าครั้งแรกแล้วก็มีอีก...คือ ลิ้นไก่อักเสบจ้า เนื่องจากการใส่ท่อช่วยหายใจ เมื่อวานยังบอกว่ากินข้าวอร่อยอยู่เลย นี่แหละจ้า ฤทธิ์ยาหมดแล้วไง วันนี้กินอะไรไม่ได้เลย กินยายิ่งลำบากมาก ยาฆ่าเชื้อตัวเดิมที่หมอให้คือ "แลนคาฟ" ก็เอาไม่อยู่ เปลี่ยนเป็นยาฉีดก็เอาไม่อยู่แล้ว ต้องเปลี่ยนตัวยาที่แรงกว่าเดิมซึ่งเป็นตัวยาที่กัดกระเพาะไปอีก แต่ก่อนกินยาตัวนี้จะมีตัวเครือบกระเพาะก่อนแล้วตามด้วยยาตัวนั้น เฮ้อ!ค่อยยังชั่ว
คุณหมอให้ยาพ่นในช่องปากมา คล้ายๆแก้ร้อนใน นี่พ่นจนขมคอ 😬



18-01-2562 :

กลับบ้านกันจ้า เย้! กลับมาพักที่บ้านกินอาหารอ่อนไปก่อนเพราะลิ้นไก่ยังไม่หายดี กินจนเอียนข้าวต้มไปข้างนึง แล้วรู้ไหมว่า... การที่คนเราไม่มีไทรอยด์แล้วนั้นมันจะเป็นยังไง เดี๋ยวแป้งจะมาเล่าต่อใน EP.ต่อไปละกัน เพราะมันอาจจะดราม่าได้ ฮ่าๆๆๆๆ 😂 

หลังจากผ่าตัดครั้งที่ 2 ไปแล้วนั้น ก็ล้างแผลทุกวันจนวันที่ถอดไหม หมอก็ชมว่าแผลสวยมาก นี่ก็มอง มันสวยจริงๆ ใช่ไหมนะ? 55555 แผลทั้งแข็ง และเป็นก้อนนูนๆ แดงๆ กดไปยังเจ็บๆ คือลืมเก็บภาพแผลชัดๆ ต้องขออภัยด้วยจ้า



นี่ก็หาตัวช่วยสารพัด เริ่มจากตัวนี้ก่อนเลย มีความเตรียมตัวดีมาก 😄
ถามว่าเห็นผลไหม? น้อยมาก มันใช้เวลานานเกินไป ใช้จนจะหมดหลอดแล้ว 



มีพี่พยาบาลบอกให้ใช้ซิลิโคนปิดแผลดู แผลจะยุบเร็วและไม่เป็นรอยแดง แต่ราคาแพงหน่อยนะ นี่ก็ถามว่าราคาเท่าไหร่คะ? คำตอบคือ 800 กว่าบาท นี่แบบ โค้ววว !! หยังมาแพงแต้ว่า ขอทำใจแปป ทำใจไป 2 เดือน ยังไม่ซื้อมาใช้นะ ช่วงนั้นอากาศหนาวเลยพันผ้าพันคอไปทำงานก่อน บังแผลไปเลยจ้า




และนี่จ้า ยังไปวิ่งกับเดอะแก๊งที่ทำงานได้อยู่ ยังมีแรงอยู่ ยังสดใสได้อยู่ แต่หลังจากนี้จะเป็นไง คอยติดตามได้เลย 5555 จะร่วงหรือรอด





28-01-2562 :

แป้งไปติดต่อเพื่อทำเรื่องกลืนแร่รังสีไอโอดีน ที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ โดยมีคุณแม่ไปด้วยเพราะคุณแม่จะรู้จักตึกที่นี่ดีกว่าแป้งนั่นเอง โดยแป้งใช้สิทธิ์ประกันสังคม ครั้งแรกไปติดต่อที่ อาคาร 108 เจอกับคุณหมอทั่วไปก่อน เสร็จแล้วก็ส่งตัวไปที่อาคารศรีพัฒน์ เพื่อพบกับคุณหมอแผนก หู คอ จมูก ซึ่งเป็นคนเดิมกับที่แป้งไปพบตอนเมื่อแป้งมาทำการเจาะชิ้นเนื้อครั้งที่ 2 คือเป็นอะไรที่โชคดีมากเพราะไม่ต้องเล่าอะไรยืดยาวเพราะคุณหมอทราบเคสอยู่แล้ว จากนั้นคุณหมอก็นำส่งให้แป้งไปพบกับคุณหมอเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ (หมอเฉพาะทางไทรอยด์) แต่พยาบาลแจ้งว่าวันนี้คุณหมอไม่เข้านะ ต้องกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้ 

29-01-2562 :

มาแต่เช้าจ้า มาพบคุณหมอต่อมไร้ท่อ คุณหมอก็ดูแผล และตรวจเช็คคลำต่อมน้ำเหลือง ทุกอย่างปกติ คุณหมอก็ถามกลับว่าตอนนี้ได้เริ่มทานยาฮอร์โมนไทรอยด์หรือยัง แป้งก็ตอบไปว่ายังค่ะ คุณหมอประสานไปยังห้องรังสี เพื่อติดต่อคุณหมอรังสี โดยครั้งนี้จะเป็นการสแกนร่างกายก่อน เพื่อดูว่ามีเชื้อแพร่กระจายไปส่วนไหนของร่างกายหรือไม่ ซึ่งแป้งได้คิวสแกนร่างกายใน วันที่ 4,6 มีนาคม 2562โดยแป้งต้องงดอาหารจำพวกไอโอดีน ชา กาแฟ อาหารทะเล บลาๆ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ และต้องงดยาไทรอยด์ก่อนมาตรวจในวันที่ 4 มีนาคม 2562 ตอนนั้นแป้งยังไม่ได้เริ่มทานยา เลยตัดตรงนั้นไป 


เรื่องราวของ EP.3 แป้งขอเขียนไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ ยังไงฝากติดตาม EP. ถัดไปด้วยนะ หวังว่าครั้งนี้จะอ่านเพลิน ไม่ดราม่าเกินไปเนาะ ฮ่าๆๆๆ 

ขอบคุณสำหรับการติดตาม และยอมอ่านอะไรก็ไม่รู้ของแป้งนะคะ
ขอพระเจ้าอวยพรจ้า 💕